ตลาด Forex และการเลือกโบรกเกอร์
ตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งแต่ที่ตรงกับลูกค้าปลีก นักลงทุนมือใหม่ตั้งคำถามมากที่สุดคือจะเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับตนอย่างไร ในขณะเดียวกันจำนวนโบรกเกอร์ Forex ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีวิธีการโฆษณาหลากหลาย ซึ่งทำให้หลายคนลงทุนสับสน วันนี้เราขอนำเสนอ 5 เคล็ดลับในการเลือกโบรกเกอร์
1. การควบคุมและความเป็นไปได้
ในสหรัฐอเมริกา โบรกเกอร์ Forex ระดับสูงสุดจะต้องเป็นสมาชิกของสมาคมฟิวเจอร์สชาติสหรัฐอเมริกา (NFA) และลงทะเบียนกับคณะกรรมการการค้าสินค้าอนาคต (CFTC) NFA เป็นองค์กรที่ควบคุมตนเองในตลาดฟิวเจอร์สทุกแห่งในสหรัฐฯ หน้าที่ขององค์กรคือการตั้งกฎเกณฑ์ โปรแกรม และให้บริการเพื่อปกป้องตลาด ผู้ค้าทุกคน และนักลงทุน ในที่สุดคือให้ผู้ที่ถูกควบคุมปฏิบัติตามข้อกำหนด CFTC เป็นหน่วยงานของรัฐบาลอิสระที่มีหน้าที่กำกับตลาดฟิวเจอร์สและออพชันในประเทศสหรัฐอเมริกา CFTC มีหน้าที่เพื่อ “ป้องกันผู้ใช้ตลาดและประชาชนจากการหลอกลวงและการจัดการ และหยุดการกระทำที่ผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าและบริการทางการเงิน” นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานกำกับดูแลชื่อดังระดับโลกอื่นๆ เช่น FCA ของสหราชอาณาจักร CySEC ของไซปรัส ASIC ของออสเตรเลีย และ FSP ของนิวซีแลนด์
2. รายละเอียดบัญชี
ข้อมูลบัญชีของโบรกเกอร์ Forex แต่ละรายมีความแตกต่างกัน เช่น: เลเวอเรจและมาร์จิ้น: ความต้องการในเรื่องเลเวอเรจและมาร์จิ้นขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล โดยปกติแล้วเลเวอเรจจะอยู่ที่ 50:1 หรือ 200:1 และเลเวอเรจจะสัมพันธ์โดยตรงกับมาร์จิ้น ถ้าผู้ค้าบางคนใช้เลเวอเรจ 50 เท่า บัญชีของเขามีมูลค่า $1,000 เขาจะสามารถถือคำสั่งสูงสุดเท่ากับ $50,000 เลเวอเรจเป็นดาบสองคมช่วยให้ผู้ค้าสามารถทำกำไรได้มากมาย หรือจะทำให้การขาดทุนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายเช่นกัน ค่าคอมมิชชั่นและสเปรด: วิธีการทำกำไรของโบรกเกอร์มักจะผ่านค่าธรรมเนียมหรือสเปรด โดยทั่วไปโบรกเกอร์จะตั้งค่าดอกเบี้ยบนสกุลเงินเพื่อรับกำไร ซึ่งอาจเป็นแบบคงที่หรือขึ้นอยู่กับความผันผวนของตลาด ตอนนี้มีโบรกเกอร์บางรายที่เสนอแบบไม่มีสเปรด แต่ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดของบัญชีนั้นอย่างรอบคอบ เงินฝากเริ่มต้น: บัญชี Forex ส่วนใหญ่มีความต้องการเงินฝากเริ่มต้นต่ำ โดยต่ำถึง $50 ผ่านการใช้เลเวอเรจ ความสามารถในการซื้อขายของผู้ค้าจะเกิดขึ้นได้มากกว่าจำนวนเงินฝาก นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การซื้อขาย Forex เป็นที่ดึงดูดใจนักลงทุนหน้าหมายจำนวนมาก
3. คู่สกุลเงินที่สนับสนุน
ในตลาดมีคู่สกุลเงินมากมาย แต่คู่สกุลเงินที่เป็นที่ใช้จริงมีเพียงไม่กี่คู่ คู่หลักๆ เช่น USD/JPY, EUR/USD, USD/CHF, GBP/USD ผู้ค้าควรตรวจสอบคู่สกุลเงินไม่กี่คู่และเลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะกับกลยุทธ์การซื้อขายของตน ไม่ควรซื้อขายคู่สกุลเงินที่ไม่คุ้นเคยโดยไม่เข้าใจ
4. การบริการลูกค้า
การซื้อขาย Forex เกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นการสนับสนุนลูกค้าของโบรกเกอร์ก็ควรพร้อมเสมอ นอกจากนี้ผู้ค้าควรพิจารณาว่าโบรกเกอร์ที่เลือกให้บริการในภาษาท้องถิ่นหรือไม่ เพราะจะช่วยประหยัดเวลาให้กับผู้ค้าได้มาก ตอนเลือกโบรกเกอร์ ลูกค้าสามารถสอบถามตอบได้อย่างรวดเร็วเกี่ยวกับเลเวอเรจ การควบคุม สเปรด และรายละเอียดการซื้อขาย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ค้าตัดสินใจได้ดีขึ้น นอกจากนี้ผู้ค้าสามารถสอบถามเกี่ยวกับขนาดการซื้อขายและระยะเวลาการดำเนินงานของโบรกเกอร์ได้อีกด้วย
5. แพลตฟอร์มการซื้อขาย
แพลตฟอร์มการซื้อขายเป็นเหมือนสะพานที่นักลงทุนเข้าสู่ตลาด ผู้ค้าควรมั่นใจว่าแพลตฟอร์มสามารถใช้งานง่ายและมีเครื่องมือในการวิเคราะห์พื้นฐานและเทคนิคที่หลากหลาย นอกจากนี้ ความสะดวกในการซื้อขายก็เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด ล่าสุด แพลตฟอร์มการค้าออกแบบที่ดีควรมีปุ่มซื้อขายที่ชัดเจนและปุ่มสำหรับปิดสถานะทั้งหมดด้วย ปัญหาการออกแบบที่ไม่ดีอาจทำให้กระบวนการซื้อขายไม่ได้ผลหรือผิดพลาด นอกจากนี้ยังควรพิจารณาทางเลือกในการปรับแต่งตัวเลือก การซื้อขายอัตโนมัติ กลยุทธ์การซื้อขาย และการแจ้งเตือนการซื้อขาย ค่า slippage และความล่าช้าในการซื้อขายก็เป็นปัจจัยที่สำคัญที่ต้องพิจารณา ผู้ค้าสามารถทดสอบฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ของแพลตฟอร์มได้ผ่านบัญชีทดลองก่อนเปิดบัญชีจริง
ความคิดเห็นของผู้ใช้
ยังไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น