สรุป
การใช้ตัวชี้วัดเพียงหนึ่งเดียวก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่ว่าตัวชี้วัดอื่นไม่สำคัญ แต่ทุกตัวชี้วัดใช้หลักการเดียวกัน เมื่อเข้าใจตัวชี้วัดหนึ่งก็สามารถเข้าใจตัวอื่นๆ ได้เช่นกัน ในการใช้ตัวชี้วัดไม่ว่าจะเป็น MACD, KDJ, RSI อาจจะมีความสับสนเสมอ โดยเฉพาะปัญหา divergence ซึ่งหลายคนชอบใช้ divergence เป็นสัญญาณสำหรับการเข้าเทรด แต่ในทิศทางที่มีแนวโน้ม หรือแนวโน้มที่เป็นขาขึ้น การทำ divergence อาจเป็นอันตรายมาก เพราะยังมี divergence อื่นๆ ตามมา และอาจไม่ใช่แค่หนึ่งเดียว การเข้าใจการใช้งานตัวชี้วัดจึงต้องสามารถแก้ไขปัญหาการ divergence และสัญญาณปลอมออกไป เมื่อสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ การเทรดด้วยสัญญาณที่แท้จริงจะเป็นเรื่องที่ง่ายดายขึ้น
MACD ตัวชี้วัดที่ไม่ควรมองข้าม
วันนี้เราจะพูดถึง MACD ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตัวชี้วัดที่ทุกคนคุ้ยเคยอย่างมาก หลายคนยังคงใช้งานอยู่ เพื่อให้ใช้ตัวชี้วัดอย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับรายละเอียดต่างๆ ของมัน สำหรับหลักการของ MACD ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เข้าใจยาก เพราะสามารถค้นหาข้อมูลได้ทั่วไป มาเริ่มที่องค์ประกอบของ MACD: 1. มีเส้นแกนกลาง (zero line) ที่มีค่า 0 2. มีเส้น curve ที่แกว่งขึ้นหรือลงรอบๆ แกนกลาง 3. มีเสาปริมาณ (histogram) ที่แสดงถึงระดับความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
การวิเคราะห์แนวโน้ม
เริ่มจากการพูดถึงเทคนิคการวิเคราะห์ divergence ซึ่ง divergence เพียงแค่ส่งสัญญาณและไม่ได้หมายความว่าทิศทางจะพลิกผัน นอกจากนี้ยังมีสัญญาณปลอมจำนวนมาก การใช้ divergence อาจนำไปสู่การทำผิดทิศทางได้ ดังนั้นเมื่อใช้ตัวชี้วัดในการเทรดจึงจำเป็นต้องสามารถใช้ตัวชี้วัดในการวิเคราะห์ทิศทางได้ หากสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเป็นทิศทางหรือการเคลื่อนไหว จึงสามารถควบคุมการเทรดได้ดีขึ้น
ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์
เรามาใช้คุณสมบัติพื้นฐานของ MACD ในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้ม: 1. เส้นแกนกลาง เป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดในการแบ่งตลาดระหว่างขาขึ้นและขาลง โดยถ้าอยู่เหนือแกนกลางแสดงถึงขาขึ้น ในขณะที่ต่ำกว่าแกนกลางหมายถึงขาลง 2. เส้น curve ใน MACD มีหลายสถานะ ซึ่งอยู่เหนือแกนกลาง แสดงถึงขาขึ้น และอยู่ต่ำกว่าแกนกลางแสดงถึงขาลง 3. เสาในแนวโน้มขาขึ้นจะเอียงขึ้น ส่วนในแนวโน้มขาลงจะเอียงลง ด้วยข้อมูลสามอย่างนี้การตัดสินใจเกี่ยวกับแนวโน้มจะไม่ใช่เรื่องยาก การตัดสินใจด้านแนวโน้ม: อยู่เหนือแกนกลางแสดงถึงขาขึ้น ต่ำกว่าแสดงถึงขาลง
สัญญาณการเทรด
ในแนวโน้มขาขึ้น—เมื่อเส้น curve ตัดกับเสาและขึ้นไปทำการซื้อ ในแนวโน้มขาลง—เมื่อเส้น curve ตัดกับเสาและลงไปทำการขาย จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้เป็นข้อมูลที่ง่าย แต่สิ่งที่ง่ายมักจะถูกมองข้าม เรามาเริ่มจากภาพแรกที่แสดงการใช้แกนกลางในการวิเคราะห์ทิศทาง ด้วยกราฟเราจึงสามารถเห็นได้ง่ายแม้ว่าจะเป็นผู้ที่ไม่เคยสัมผัสการเทรดมาก่อน การวิเคราะห์แนวโน้มมีวิธีมากมาย มากที่สุดเป็นเรื่องการคาดการณ์ยอดสูงสุดและต่ำสุด ซึ่งในการคาดเดาอาจทำให้มีการเทรดสวนทิศและเมื่อเกิดการขาดทุนจะทำให้เพิ่มขนาดการลงทุนโดยไม่สนใจการควบคุมความเสี่ยง การตัดสินใจในทิศทางของแนวโน้มเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุการทำกำไรในอนาคต
ข้อคิดสุดท้าย
หลายคนอาจเคยเห็นวิธีการวิเคราะห์แนวโน้มที่ซับซ้อนมากมาย วันนี้เราจะบอกว่าขั้นตอนที่ง่ายที่สุดและชัดเจนที่สุดก็คือแกนกลางของ MACD ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคใดๆ เลย เมื่อกำหนดทิศทางแล้ว: ในแนวโน้มขาขึ้น เส้น curve ตัดกับเสาทำการซื้อ และเพียงแค่ซื้อ ในแนวโน้มขาลง เส้น curve ตัดกับเสาทำการขาย และเพียงแค่ขาย หลายคนอาจสงสัยว่าควรทำ divergence หรือไม่ ที่จริงแล้ว การทำ divergence ยังมีอยู่ในแนวโน้ม และการเทรดต้องทำตามทิศทาง ในการเทรดที่เทรนด์ ไม่มีการมองข้ามที่ divergence แต่จะต้องกรองข้อมูลจาก divergence ออกไป
บทสรุป
การใช้งาน MACD ต้องกลับไปสู่การใช้งานที่ง่ายและเป็นพื้นฐาน จากข้อมูลที่ง่ายเหล่านี้ ซึ่งทุกคนคุ้นเคยแต่ไม่เคยสนใจ จึงทำให้การเทรดในทางปฏิบัติต้องคำนึงถึงการวิเคราะห์ที่มีอารมณ์และความคิดของผู้เทรด แม้ว่าตัวชี้วัดจะให้ข้อมูลเชิงวิเคราะห์ที่ชัดเจน แต่การใช้ตัวชี้วัดควรเคารพและเชื่อถือในการวิเคราะห์แนวโน้มและทิศทางด้วย ข้อมูลจาก MACD จะมีการเผยให้เห็นถึงทิศทางของแนวโน้มที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นจุดสูงสุดหรือต่ำสุด แต่ก็สามารถสร้างกำไรที่ยั่งยืนได้ ซึ่งคือสิ่งที่เราควรจะให้ความสำคัญ
ความคิดเห็นของผู้ใช้
ยังไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น