บทนำ
ในตลาดหุ้น ความผันผวนสามารถทำให้ราคาต่างกันมากขึ้น ซึ่งนำมาสู่โอกาสมากมายสำหรับนักลงทุน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะจับจังหวะนั้นได้อย่างไร ผู้เขียนมีประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จและผิดพลาดหลายครั้งในตลาดหุ้น จึงมีข้อคิดบางประการเกี่ยวกับการจับจังหวะของตลาดผันผวนนี้ พร้อมแบ่งปันกับนักลงทุนทุกท่าน
1. ประเภทของความผันผวน
ความผันผวนในตลาดหุ้นมักมีหลายประเภท ได้แก่ ความผันผวนที่ระดับต่ำ, ระดับกลาง, ระดับสูง, และความผันผวนในแนวโน้มขาขึ้นและขาลง ดังนั้นนักลงทุนควรให้ความสนใจและจัดการในแต่ละสถานการณ์ต่างกัน การแยกแยะอย่างถูกต้องจึงสำคัญมาก หากไม่สามารถแยกได้อาจจะทำให้การดำเนินการผิดพลาดและเกิดความสูญเสียที่ใหญ่หลวง
2. วิธีการดำเนินการในช่วงความผันผวนระดับต่ำ
ที่เรียกว่าความผันผวนระดับต่ำนั้นคือเมื่อราคาหุ้นตกลงอย่างมากในระยะเวลานาน โดยราคาต้องลดลงอย่างน้อย 3-5 คลื่น และปริมาณการซื้อขายอยู่ในภาวะที่ลดลงอย่างมาก สุดท้ายแล้ว ราคาสูงสุดและต่ำสุดต้องมีความแตกต่างน้อย ในกรณีที่นักลงทุนพบว่าหุ้นตัวใดตัวหนึ่งมีความผันผวนมากขึ้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะแสดงว่ากลุ่มผู้ลงทุนใหญ่อาจเริ่มเข้ามา และสร้างแนวโน้มใหม่ขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างตำแหน่งลงทุน
3. ความผันผวนระดับกลาง
เมื่อราคาได้เกิดแนวโน้มการขึ้นมาแล้ว ด้วยการทำกำไรในระยะสั้นที่มีมากมาย จึงเกิดแนวโน้มการคืนกำไรกลับมา ทำให้เกิดความผันผวนได้ง่าย นี่คือช่วงเวลาที่น่าสังเกตเพื่อขายหุ้นที่ขึ้นมากแล้ว และซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มจะขึ้นต่อไป
4. วิธีการดำเนินการในช่วงความผันผวนระดับสูง
ความผันผวนระดับสูงนั้นหมายถึงราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่ในช่วงการยกขึ้นสุดท้ายหรือช่วงการสร้างจุดสูงสุด โดยปกติแล้วราคาจะสร้างคลื่นออกมา 3-5 คลื่น ในช่วงนี้การทำการซื้อขายหุ้นมีความเสี่ยงสูง แต่เวลานี้เป็นช่วงที่มีโอกาสมากเช่นกัน ควรคำนึงถึงข้อควรระวังในการทำกำไรในช่วงนี้ โดยเฉพาะ เช่น (1) ใช้ดัชนีแท่งเทียน เช่น แท่งเทียนรายวันและรายชั่วโมง; (2) ขายเมื่อคำนวณราคาที่อาจจะสูงสุด และตั้งราคาขายต่ำกว่าหลายจุดการสั่งราคาควรเกิดขึ้นในระหว่างที่ราคาขึ้น ต้องไม่รอให้ราคาหันกลับก่อน; (3) ซื้อเมื่อเกิดการปรับตัวลงที่มีจุดที่สำคัญ เช่น 0.382, 0.618 และจุด 50% ของการปรับตัว; (4) ต้องสังเกตเส้นรับและเส้นกดที่สั้น และการเปลี่ยนแปลงของปริมาณการซื้อขาย; (5) อัตราการเบี่ยงเบนเป็นดัชนีที่มีประโยชน์มากในช่วงความผันผวน สามารถใช้วิธีขายเมื่อเบี่ยงเบนมากเกินไปและซื้อเมื่อเบี่ยงเบนต่ำมาก; (6) ตั้งจุดหยุดการขาดทุนให้แน่นอน หากเกิดการดำเนินการผิดพลาดให้ยอมรับและออกไป
5. ความผันผวนในช่วงการขึ้น
บ่อยครั้งที่เราจะพบว่าหุ้นบางตัวทำงานภายในช่องทางการขึ้นที่มีรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เมื่อพบลักษณะนี้จึงสามารถวาดช่องทางการขึ้นของหุ้นนั้นได้ เมื่อราคาหุ้นเคลื่อนที่ไปถึงแรงกดดันด้านบนของช่องทางการขึ้น ควรขายหุ้นออกไป
6. การดำเนินการในช่วงการลดลง
เมื่อราคาหุ้นเคลื่อนที่อยู่ในช่องทางการลดลง นักลงทุนทั่วไปควรหลีกเลี่ยงการดำเนินการ แต่สำหรับผู้ที่ชอบการค้าแบบระยะสั้น สามารถมองหาความโอกาสในความผันผวน นี่คือจุดสำคัญที่ควรพิจารณา: (1) ดำเนินการระยะสั้น เข้าออกอย่างรวดเร็ว ควรไม่เกิน 3 วันทำการ; (2) เข้าร่วมเมื่อราคาหุ้นลดลงมากในช่วงเวลานั้น และขายก่อนที่จะเจอแรงกดดัน; (3) ซื้อที่ขอบล่างของช่องทางการลด และขายเมื่อเจอจุดกด; (4) ซื้อตอนที่มีเบี่ยงเบนต่ำมากๆ และขายเมื่อเจอจุดกด; (5) อย่าคาดหวังถึงกำไรที่สูงเกินไป ควรใช้หลักการทำกำไรแล้วออก; (6) ควรเลือกหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีความผันผวนมาก เพราะหุ้นขนาดใหญ่มีความผันผวนที่ต่ำจึงทำกำไรได้ยาก
บทสรุป
โดยสรุป การทำกำไรในช่วงตลาดที่มีความผันผวนค่อนข้างยาก แต่ผู้ลงทุนที่ดีจะต้องเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ในการปฏิบัติจริง
ความคิดเห็นของผู้ใช้
ยังไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น